อัลกอริทึม (Algorithm) คือ กระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน เมื่อนำเข้าอะไร แล้วจะต้องได้ผลลัพธ์เช่นไร กระบวนการนี้ประกอบด้วยจะประกอบด้วย วิธีการเป็นขั้นๆ และมีส่วนที่ต้องทำแบบวนซำอีก จนกระทั่งเสร็จสิ้นการทำงาน Algorithm ไม่ใช่คำตอบแต่เป็นชุดคำสั่งที่ทำให้ได้คำตอบ
ในการเขียนโปรแกรมในภาษาต่างๆนั้นส่วนใหญ่จะต่างกันที่ไวยากรณ์ของภาษา ดังนั้นถ้าหากเรามีวิธีคิดที่ดี มีขั้นตอนการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เงื่อนไขที่ดี เราก็สามารถที่จะศึกษาไวยากรณ์ของภาษาอะไรก็ได้ที่คุณสนใจและเขียนมันได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณคิดเป็นและเคยใช้โปรแกรมภาษาใดภาษาหนึ่งมาแล้ว ในการที่คุณจะศึกษาอีกภาษาหนึ่งก็จะไม่ยาก และในการใช้สอนวิธีคิดวันนี้ผมก็จะขอแนะนำด้วยภาษา PHP และขออธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆก็แล้วกันนะครับ
เงื่อนไขที่จะใช้ก็คือ if หลักการทำงานของ if จะเป็นการทำงานแบบนี้ครับ
if( "เงื่อนไข" ){ " จริง (True) ตามเงือนไข " }else{ " เท็จ False จากเงือนไข " }
if( "เงื่อนไข" ){ " จริง (True) ตามเงือนไข " }else{ " เท็จ False จากเงือนไข " }
ตัวดำเนินการที่ใช้ในการเปรียบเทียบ กับเงือนไขในภาษา PHP (บางส่วน)
- == (เท่ากับ) ตัวอย่าง if($a == $b){ "สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข" }
- != (ไม่เท่ากับ) หรือ <> (ไม่เท่ากับ) ไม่เท่ากัน ไม่ใช่ ไม่เหมือน ตัวอย่าง if($a != $b) {"สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข" }
- > (มากกว่า) มีค่ามากกว่า ตัวอย่าง if($a > $b){"สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข" }
- < (น้อยกว่า) มีค่าน้อยกว่า ตัวอย่าง ($a < $b){"สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข" }
- and หรือ && (และ) ตัวอย่าง if($a == $b and $a == $c){ "สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข"
- or หรือ || (หรือ) ตัวอย่าง if($a == $b or $a == $c){ "สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อตรงตามเงื่อนไข" }
ในวันนี้ผมจะยกตัวอย่างเงื่อนไขเป็นด่านตรวจของตำรวจที่จะคอยตรวจสอบรถที่จะมีเงื่อนไขการจับกุมรถแล้วกันนะครับ เริ่มกันเลยตามโจทย์ดังต่อไปนี้
- ให้ทำการตั้งด่านจับกุมรถยนต์ที่มีตัวรถเป็นสีส้ม
จากโจทย์เราก็จะมาเขียนเงื่อนไข IF ได้ 2 แบบดังต่อไปนี้
1. if(รถ=="สีส้ม") { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" }
2. if(รถ != "สีส้ม") { "ปล่อยให้ผ่านได้" } else { "จับกุม" } หรือ if(รถ <> "สีส้ม") { "ปล่อยให้ผ่านได้" } else { "จับกุม" }
ซึ่งจาก 2 วิธีการใช้ if นี้จะได้ผลลัพธ์เดียวกัน - ให้ทำการตั้งด่านจับกุมรถยนต์ที่มีล้อรถมากกว่า 6 ล้อขึ้นไป
จากโจทย์เราก็จะมาเขียนเงื่อนไข IF ได้ 2 แบบดังต่อไปนี้
1. if(รถ > 6ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" }
2. if(รถ <= 6ล้อ) { "ปล่อยให้ผ่านได้" } else { "จับกุม" }
ซึ่งจาก 2 วิธีการใช้ if นี้จะได้ผลลัพธ์เดียวกัน - ให้ทำการตั้งด่านจับกุมรถยนต์ที่มีล้อตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป
จากโจทย์เราก็จะมาเขียนเงื่อนไข IF ได้ 2 แบบดังต่อไปนี้
1. if(รถ >= 6ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" } // สัญลักษณ์ >= นี้เรียกว่ามากกว่าเหรือเท่ากับ
2. if(รถ < 6ล้อ) { "ปล่อยให้ผ่านได้" } else { "จับกุม" }
ซึ่งจาก 2 วิธีการใช้ if นี้จะได้ผลลัพธ์เดียวกัน - ให้ทำการตั้งด่านจับกุมรถยนต์ที่มีล้อรถตั้งแต่ 6 ล้อ จนถึงรถที่มี 10 ล้อ
จากโจทย์เราก็จะมาเขียนเงื่อนไข IF ได้ดังต่อไปนี้
1. if(รถ >= 6ล้อ and รถ <= 10ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" } หรือ if(รถ >= 6ล้อ && รถ <= 10ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" } - ให้ทำการตั้งด่านจับกุมรถยนต์ที่มีล้อรถ 4 ล้อ กับรถที่มีล้อรถ 10 ล้อ
จากโจทย์เราก็จะมาเขียนเงื่อนไข IF ได้ดังต่อไปนี้
1. if(รถ == 4ล้อ or รถ == 10ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" } หรือ if(รถ || 4ล้อ or รถ || 10ล้อ) { "จับกุม" } else { "ปล่อยให้ผ่านได้" }
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น